แบ่งปัน
นักแสดงสาวชื่อดัง “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” นัดสื่อมวลชนร่วมฟังการแถลงข่าวเปิดใจ ณ Maddox House Studio สุขุมวิท 39 โครงการ Parc39 กรณีนางร้ายอักษรย่อ ด.เด็ก ทำร้ายร่างกายและข่มขู่ลูกสาวอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย กลางสถานบันเทิงชื่อดังย่านทองหล่อ

โดยงานนี้นอกจากเจ้าตัวจะเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นจากฝั่งตนเองแล้ว เจ้าตัวก็ยังนำหลักฐานที่เผยให้เห็นถึงรอยช้ำตามร่างกายจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาเผยต่อสื่อมวลชน พร้อมทั้งยืนยันอีกว่าไม่ได้ทำการข่มขู่อีกฝ่าย แค่มีการบอกให้ขอโทษเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเด็ก วอนสังคมใช้วิจารณญาณในการตัดสินตัวเองจากกระแสข่าวดังกล่าว

พร้อมยืนยันสถานะความสัมพันธ์กับหวานใจไฮโซหนุ่ม “ไผ่ วันพอยท์” มีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาหันมาก็ยังเจอเขาอยู่ข้างๆ เสมอ ดังนั้นจึงไม่เลิกแน่นอน อยู่ในช่วงกำลังเดินหน้าง้ออย่างเต็มที่

“ดิวขอเริ่มย้อนจากเหตุการณ์ทั้งหมดเลยแล้วกัน ดิวก็ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไปปกติค่ะ มีออกไปเที่ยวสังสรรค์เจอเพื่อน แล้วตอนที่จะไปเข้าห้องน้ำก็มีเพื่อนไปด้วยปกติ และก็เป็นเรื่องปกติอีกที่สถานที่เหล่านี้คนจะเยอะ เราก็หยุดรอ แต่ระหว่างที่ดิวหยุดรอก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมากับบอดี้การ์ดตัวใหญ่ๆ ใส่สูทมาชนดิว คือเราอยู่ในที่เบียดๆ ก็จะมีการชนๆ เบียดๆ อยู่แล้ว แต่ดิวไม่ได้คิดอะไร พอเขาชนเสร็จดิวก็เลยผลักออกแล้วหันไปคว้ามือรุ่นน้องที่อยู่ข้างหลัง แต่จังหวะที่หันไปดิวก็โดนจิกหัวไปเลย เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนจิกหัวดิวค่ะ”

“หลังจากนั้นไม่ได้เกิดการต่อสู้เลยค่ะ เพราะดิวยังไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่ตามสัญชาตญาณของเราหกโดนจิกหัวขนาดนั้น มือก็ยังว่างอยู่ทำให้มีกันมีผลักบ้าง แต่ตอนนั้นคือดิวก้มหน้าอยู่จริงๆ มันจะติดพื้นอยู่แล้ว ปวดคอมาก นทำให้หัวดิวโนวได้เพราะนานมากจริงๆ”

“ด้วยความที่เขามีบอดี้การ์ด ดิวเข้าใจว่าในสถานที่แบบนี้บอดี้การ์ดต้องเข้าข้างบอดี้การ์ด กลายเป็นว่าตอนนั้นบอดี้การ์ด 8-9 คน ทั้งของเขาและของร้านเข้ามาหมดเลย แต่ไม่มีใครช่วยดิวเลย”

“เรื่องจริงคือเขาเป็นเพื่อนกับรุ่นน้องที่ดิวรู้จักด้วยซ้ำ เขากับดิวเคยเจอหน้ากัน เราไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นกันเลย ซึ่งมันทำให้ดิวรู้สึกงงว่ามันคืออะไร แต่แว๊บนั้นเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเขา เพราะเราไม่โฟกัสในขณะที่โดนแบบนั้น ส่วนเพื่อนเราทั้งหมดก็โดนการ์ดของที่ร้านผลักออกไปหมดเลย ไม่มีใครช่วยดิวเลยสักคน”

“ดิวโดนจิกหัว โดนกระชากแขน ถ้าในรูปจะเห็นรอยช้ำ (โชว์รูป) โดนทั้งแขน ทั้งหัว มีทั้งเวลาและวันที่ที่โดนอยู่จริงๆ ดิวมีหมดเลย รุ่นน้องดิวถ่ายไว้เลย เพราะก็ตกใจเหมือนกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

“แต่พอบอดี้การ์ดเข้ามาเกี่ยวมันก็ไม่ใช่คนเดียวแล้วสิ จะเห็นได้จากรอยช้ำที่ขา (โชว์รูป) เดี๋ยวเสร็จแล้วดิวเปิดให้ดูของจริงก็ได้ เพราะยังช้ำอยู่เลย ตัวดิวช้ำเต็มไปหมด”

“สิ่งที่ช่วยดิวได้คือรุ่นน้องดิวที่เป็นผู้ชายกระโดดเข้ามากลางวงนั้น บอกให้ปล่อยดิว คือดิวปล่อยเขาแล้วนะ แต่เขาไม่ปล่อยจริงๆ จนรุ่นน้องผู้ชายกัดแขนเขา เขาถึงปล่อย”

“เราก็ได้มีการเคลียร์กัน คือดิวพูดตรงๆ จากใจดิวเลยนะ ดิวก็ตะโกนใส่เขาว่า เป็นใคร เป็นเด็กแล้วเปรี้ยวมากเหรอ ดิวไม่เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้ต้องมีบอดี้การ์ดด้วยเหรอ เราก็ฉุน เพราะเราเจ็บ เราไม่ได้ทำก่อนด้วย ไม่ได้สู้ มันไม่โอเคอ่ะ”

“หลังจากเขาก็ชี้หน้ามาพูดว่า ทำไม จะทำไม ตามสไตล์เด็กเนอะ บอดี้การ์ดก็เหมือนรู้แล้วเลยให้เคลียร์กัน แต่สิ่งที่ดิวจำได้คือเขายังถอดนาฬิกาของเขายื่นให้คนข้างๆ แล้วพูดว่าเก็บโรเล็กซ์ไปสิ ได้มาดิเจอกัน มาเลย เข้ามาเลย”

“ซึ่งดิวว่าตอนนั้นเขาเห็นหน้าดิวแล้วนะ ว่าดิวคือรุ่นพี่คนหนึ่งที่เขาน่าจะรู้จักเหมือนกัน แล้วดิวก็รู้ว่าเขาคือน้องคนนี้นิ ความรู้สึกของดิวมันก็เสียความรู้สึกนะคะ เป็นเด็กแต่พูดแบบนี้ ทำแบบนี้กับเราด้วยเนอะ เป็นธรรมดาที่เราไม่พอใจอยู่แล้ว”

“หลังจากนั้นบอดี้การ์ดก็รู้แล้วว่าต้องมีเรื่องต่อแน่ เพราะอารมณ์นั้นดิวก็เจ็บ เขาก็ยังซ่าอยู่ บอดี้การ์ดก็เลยไล่ให้เขากลับไป เขายังไม่พอใจการ์ดเลยที่ไล่เขา ยังหันไปพูดกับการ์ดเลยว่า จำไว้นะ ไล่และทำกับเขาแบบนี้ งั้นเราจบกัน ซึ่งดิวก็ไม่ได้ก้าวก่ายอะไร”

“แต่ก่อนที่เขาจะไปกับเพื่อนเขา เขากันมาตะโกนใส่ดิวที่ยืนตรงนั้นว่า เดี๋ยวเจอพ่อแน่ จะเอาพ่อมาเล่นให้หมด ดิวเลยงงว่าข่าวที่ออกไปเขาบอกดิวข่มขู่เขา แต่สิ่งที่เขาพูดคือดิวโดนข่มขู่ไม่ใช่เหรอคะ ถูกไหม ดิวไปเที่ยวดิวไม่มีบอดี้การ์ดนะ และก็ไม่มีใครช่วยดิว ณ ตอนนั้น อีกอย่างดิวไม่ได้มีการตะโกนใดๆ ทั้งสิ้นถึงใคร ใดๆ ก็ตามเลย”

“ทางดิวไม่ได้มีการไปทำร้ายร่างกายเขาเลย เราเลยรู้สึกแย่ตรงที่ว่าฝั่งเราก็ไม่มีใครช่วยเราได้ การ์ด 8-9 คนก็อยู่ฝั่งเขาหมดเลย ตอนแรกดิวไม่อยากจะพูดถึงตรงนี้เลยเพราะไม่อยากให้กระทบกับทางร้าน แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ จะไม่พูดก็ไม่ได้”

ทางเขาเข้าแจ้งความว่าเราได้มีการโทรศัพท์กลับไปข่มขู่เขาด้วย ?
“หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นในทันทีทันใดของคืนนั้นเลยนะคะ มีเพื่อนของเขาคือรุ่นน้องที่ดิวรู้จักนี่แหละ ได้โทรมาหาดิวเลยทันที และบอกกับดิวว่าอย่าไปถือสาโกรธอะไรเขาเลยนะ เขาเมา จบเถอะ สิ่งที่ดิวตอบกับเขาไปตรงๆ คือ เพื่อนน้องมาจิกหัวพี่ พี่โตกว่าเยอะมากเลย เขาต้องขอโทษพี่สิ”

“และหลังจากนั้นผ่านไปน่าจะประมาณ 2-3 ชั่วโมง เขาก็พยายามติดต่อมาที่เพื่อนดิวหลายคนที่รู้จักกันกับเขา ไม่ใช่แค่ดิวคนเดียว เพื่อที่จะมาขอโทษดิวในวันนั้นเลยหนึ่งรอบ และหลังจากนั้นอีก คือทั้งหมดที่ติดต่อจะมาขอโทษดิว 3 รอบ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่แค่คำพูด ดิวมีหลักฐาน และตัวเขาเองก็ได้โทรมาหาดิวเรียบร้อยแล้วเพื่อที่ขอโทษ และเขาก็ได้ขอโทษดิวแล้วด้วย”

เรารู้ไหมว่าเขาไปลงบันทึกประจำวัน ?
“ไม่รู้ ยอมรับตรงๆ ว่าเพิ่งรู้เมื่อวานตอนที่มีพี่นักข่าวโทรมาหาดิว คือเขาขอโทษดิวตั้งแต่วันแรกแล้วโดยการฝากเป็นข้อความมา วันรุ่งขึ้นด้วย เขาขอโทษทุกวันเลย แต่วันที่เขาโทรมาแล้วดิวรับสายเองน่าจะเป็นวันอาทิตย์ค่ะ”

 “ก่อนที่จะมีการขอโทษเขาได้นัดดิวรอบที่ 3 เพื่อที่จะมาเจอกัน เพื่อเป็นการขอโทษกัน และดิวก็ได้ตอบกับเขาไปว่าโอเคดิวจะเจอ ดิวอยากเคลียร์อยู่แล้ว แต่คำว่าเคลียร์ของดิว ดิวอยากให้ทุกเข้าใจว่าคำว่าเคลียร์ของดิวไม่จำเป็นต้องนัดเพื่อไปทำร้ายเขานะคะ แต่สิ่งที่ดิวจะเคลียร์ ดิวรู้สึกว่าเราเป็นคนกันเองที่เคยเห็นหน้าเห็นตากัน ณ ตอนนั้นอาจจะด้วยเขาดื่มไป หรืออะไรใดๆ ก็ตาม แต่ดิวอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงทำดิวได้”

“ไม่มีทางแน่นอนที่บอกว่าดิวข่มขู่เขา เพราะดิวชัดเจนตรงนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อนเขาหรือกับตัวเขา ดิวสัญญาว่าจะไม่มีการทำร้ายใดๆ ทั้งสิ้น ให้เขาเอาเพื่อนเขามาได้เลย ตัวดิวก็ไม่มีใคร สิ่งที่ดิวพูดออกไปตรงๆ คือ ถ้าพี่ทำ พี่หมา พี่จะให้น้องเรียกพี่เป็นหมาได้เลย”

“และดิวก็อยากจะให้ทุกคนลองใช้วิจารณญาณในการตัดสินเรื่องนี้ว่า ถ้าดิวกำลังจะนัดเคลียร์กับคนๆ หนึ่ง แล้วเจอกัน และดิวทำร้ายเขาอีก คือดิวจะโง่มากเลยนะ แล้วสิ่งที่ดิวผ่านมาทั้งหมด ดิวไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นที่จะไปตอกย้ำเรื่องอดีตของตัวเองให้ทุกคนที่รู้สึกว่าต้องทำแน่ๆ มันคือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นคือไม่มีทางที่ดิวจะทำแบบนั้น”

“ดิวแค่ต้องการเคลียร์จริงๆ เพราะดิวรู้สึกว่าหลังจากที่น้องเขามีสติขึ้น เหมือนเป็นคนละคน จากเด็กคนหนึ่งที่ดูรุนแรงมาก กลายเป็นคนที่นอบน้อม ดิวเลยรู้สึกว่าเขาคงหายแล้วมั้ง หรือมีสติขึ้นแล้ว”

“อีกอย่างตัวเราก็ผ่านอะไรมาเยอะ วันนั้นที่เคยมีเรื่องเกิดขึ้นอายุดิวแค่สิบกว่า แต่ ณ วันนี้ดิว 27 ก็ผ่านมาเป็นสิบปี ดิวรู้ว่าบทเรียนของดิวกับการทำอะไรที่ขาดสติหรือมีอารมณ์มันมีผลกระทบยังไง เพราะฉะนั้นการที่เด็กคนหนึ่งจะมาขอโทษดิวเพราะดิวเป็นผู้ใหญ่ ผ่านทุกอย่างมาก่อน มันเป็นเรื่องปกติที่เราต้องให้โอกาสและให้อภัยเขาอยู่แล้ว มันไม่มีหรอกค่ะที่มันคือการข่มขู่”

“ถ้าดิวผิดจริง เขาจะมาขอโทษดิวทำไมถูกไหมคะ ถ้าดิวผิดจริง เขาจะพยายามขอเคลียร์ทำไม นั่นคือคำถามที่ทำให้วันนี้ดิวยังงงอยู่เลยว่าสุดท้ายทำไมดิวถึงโดนแบบนี้”

“หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อเลยค่ะ เพราะมันทำให้ดิวงงมากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เพราะจริงๆ ดิวต้องเป็นฝ่ายแจ้งความไม่ใช่เหรอ พ่อดิวก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ดิวต้องข่มขู่เขาด้วยเหรอ มันคือเขาหรือเปล่าที่ข่มขู่ดิว ตอนนี้ดิวเป็นฝ่ายโดนแจ้งความอยู่ใช่ไหมคะ ดิวก็คงต้องรอตำรวจเรียกดิวเข้าไปตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในซองสีน้ำตาลที่ถือมานี้ยังมีหลักฐานทุกอย่างครบเลย ก็พร้อมเข้าไปค่ะ”

แต่ในบันทึกประจำวันเหมือนหนังคนละม้วนกับที่เราออกมาชี้แจงวันนี้เลย ?
“นั่นคือสิ่งที่ดิวตกใจไงคะ ที่ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น จากนั้นก็ไม่มีการโทรคุยกันเลย เพราะพอเขาแจ้งความแล้วดิวก็ต้องกลัวการที่จะโทรไปคุยกับเขา”

ทางร้านได้มีการติดต่อมาขอโทษเราไหม ?
“ทางร้านได้ขอโทษตั้งแต่วันนั้นแล้วกับการเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในนั้นไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า แต่น้องเขาพูดนะคะว่าเขาได้กล้องวงจรปิดมาแล้ว ซึ่งสิ่งที่ดิวตอบกลับเขาไปคือให้เอามาเลยค่ะ เพราะดิวมั่นใจจริงๆ ว่าดิวไม่ได้ทำอะไรเขาเลย”

แสดงว่าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราพูดวันนี้และสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น เราเป็นผู้บริสุทธิ์  ?
“ดิวมีรอยช้ำทั้งที่ แขน หัว และขา (เปิดรอยช้ำบริเวณต้นขา) ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนี้ มันคือดิวโดนหรือว่าอะไรคะ ดิวถึงได้บอกไงคะว่าสิ่งที่ดิวโดนมันคือดิวโดนอ่ะ”

เราไปตรวจร่างกายตั้งแต่วันเกิดเรื่องเลยหรือเปล่า ?
“ไม่ค่ะ ไม่ได้ไปตั้งแต่เกิดเหตุ แต่หลังจากวันนั้นหลังจากที่ดิวตั้งสติได้ เพราะดิวก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นดิวก็เลยต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อนว่ามันจะเป็นยังไง ถามว่าที่ฝ่ายนั้นเขาขู่เรื่องคุณพ่อมา และมานัดเคลียร์ จริงๆ ไม่ใช่เขาที่ต้องกลัวดิวนะ แต่ดิวต้องกลัวเขา เพราะดิวไปดิวจะเจออะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ และดิวพูดจริงๆ นะคะ ดิวเป็นคนในสื่อ ดังนั้นกว่าดิวจะลบภาพในอดีตและมีวันนี้ได้ มันเหนื่อยมากเลยนะ ฉะนั้นหากดิวไปและดิวเตรียมพร้อมเพื่อจะไปรบกับเขา ดิวไม่คิดแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ เพราะถ้าดิวไปก็คือดิวอยากจะไปเคลียร์ ดังนั้นดิวต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายกลัวเขามากกว่า เนื่องจากเขาบอกเองเลยว่า “เดี๋ยวมึ-เจอพ่อก-แน่” เพื่อนๆ ดิวทุกคนยังเป็นห่วงดิวเลยค่ะว่าเราจะไปกันดีเหรอ เพราะว่าเราก็เป็นคนในสื่อ เราไปทำอะไรเขาไม่ได้แน่ๆ และอีกเรื่องคือพอเขาพูดมาแบบนั้น ตัวเราเองก็มีวูบๆ กลัวๆ เหมือนกัน แต่ด้วยความที่พอเราเห็นเขาอ่อนกลับมา เห็นได้ว่าเขาอยากจะขอโทษ เราก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องไปแจ้งความ เพราะดิวเองก็กลัวว่าหากมีการแจ้งความแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องเป็นข่าวอีก”

หลังจากวันนี้เราจะหาโอกาสไกล่เกลี่ยกับเขาก่อนไหม ?
“ถ้าถามดิวจริงๆ ดิวยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลยค่ะ เพราะว่าจากทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นหนังคนละม้วนจริงๆ และพอมันเป็นข่าว มันออกสื่อ หรือออกโซเชียลต่างๆ ไปแล้วเนี่ย มันมีผลกระทบต่อตัวดิวเยอะเลยนะคะ เพราะว่าอดีตของดิวมันเป็นแบบนั้น ซึ่งดิวอยากจะให้ทุกคนแบบ…”

เราน้อยใจไหมที่ตอนนี้คนก็ยังตราหน้าเราว่าเป็น “ดิวมือตบคนเดิม” ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ?
“(น้ำตาคลอ) ค่ะ”

สภาพจิตใจของเราตอนนี้ถือว่าโอเคขึ้นไหมหลังจากได้พูดแล้ว ?
“ก็รู้สึกว่าเราคงต้องออกมาพูดแล้ว เพราะอย่างที่บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมันเป็นคนละเรื่องเลย แต่ถ้าย้อนกลับไปถึงคำถามเมื่อกี้ที่ถามว่าดิวน้อยใจไหม เอ่อ…มันก็น้อยใจไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะทำเอง และเราก็ผ่านมันมาเอง แต่สิ่งที่ดิวอยากจะบอกก็คือ ดิวไม่อยากให้สังคมตัดสินคนจากอดีตของใครก็ตาม คนเรามันผิดพลาดได้ แต่มันก็เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ดิวรู้สึกว่าสังคมต้องให้โอกาสดิวนิดหนึ่ง เพราะในระยะเวลาที่ผ่านมา ดิวก็พยายามพิสูจน์ตัวเอง พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ดิวไม่เคยไม่ยอมรับความจริงใดๆ ทั้งสิ้นในชีวิตดิว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตบที่ผ่านมาครั้งนั้นดิวก็ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง ฉะนั้นถ้าหากเรื่องนี้ดิวทำดิวก็จะยอมรับ แต่อย่าเอาสิ่งที่ดิวยอมรับที่ผ่านมาขุดขึ้นมาขยี้ดิวตลอดเวลา เพราะว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันคือบทเรียน และอีกสิ่งหนึ่งเลยที่ดิวพูดตลอดเวลาก็คือ ให้ดูการกระทำของดิวและนำไปเป็นบทเรียน รวมถึงตัวดิวเองก็ยังให้โอกาสน้องคนที่มากระชากหัวดิวเลยนะ เพราะถ้าหากเป็นดิวคนเก่าดิวคงโกรธเขาแล้ว หรือถ้าหากเป็นดิวคนเก่าเขาก็คงไม่รอดมาถึงวันนี้หรอก แต่วันนี้สิ่งที่ดิวสร้างและพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมันก็ทำให้ดิวหยุดตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องและก็รอฟังคำขอโทษจากเขา ซึ่งตัวดิวเองก็หยุดตั้งแต่วันที่เขาขอโทษดิวแล้วจริงๆ”

เราเคยมีปัญหาอะไรกับน้องเขามาก่อนไหม ?
“ไม่เคยเลย แต่เคยเจอเขามาก่อน ดิวรู้จักเขาเพราะเขาเป็นเพื่อนของรุ่นน้องดิว เคยเจอหน้ากันตั้งหลายครั้ง จริงๆ ดิวก็คุยกับรุ่นน้องคนนั้นที่ดิวรู้จักด้วยนะคะ น้องเขาก็บอกว่า “อย่าถือโทษเลยนะเพราะเขาเมา” ดิวก็เลยตอบเขากลับไปว่า “ถ้าอย่างนี้พี่ไปทำอะไรใครก็ได้แล้วพี่ก็บอกว่าพี่เมาได้ใช่ไหม ให้น้องไปบอกเพื่อนน้องให้มาขอโทษพี่เถอะ” นั่นคือสิ่งที่ดิวตอบไปค่ะ”

จะมีการแจ้งความกลับไหม ?
“เอาความเป็นจริงนะคะ ดิวคิดว่าถ้าหากเขาขอโทษดิว ดิวก็ไม่รู้จะเอาเรื่องเขาทำไม ดังนั้นตอนนี้ดิวเลยต้องจูนตัวเองก่อน เพราะอยู่ดีๆ มันก็กลายเป็นว่าดิวไปทำร้ายเขา และเขามาเอาเรื่องดิว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างมันต้องเป็นดิวหมดเลย จริงๆ ดิวตัดสินใจจบเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้วนะคะ คือไม่โกรธกัน ขอโทษกัน และก็มานัดเคลียร์กันให้มันจบให้มันสบายใจทั้งสองฝ่าย เพื่อที่หลังจากนี้เวลาเจอกันที่ไหนมันจะได้ไม่ต้องมาตึงกัน คือมันหมดยุคแบบนั้นแล้ว แต่วันนี้พอมาถึงจุดที่เขาแจ้งความบอกว่าดิวไปทำร้ายร่างกายเขา ข่มขู่เขา ดิวก็เลยยังไม่เข้าใจเจตนาของเขาไงคะว่าเขาทำแบบนี้กับดิวเพื่ออะไร ในเมื่อดิวเป็นฝ่ายโดนกระทำ”

ข่าวที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับพี่ไผ่ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไหม ?
“ไม่เลยค่ะ ไม่เกี่ยวแน่นอน เพราะเรื่องนี้พี่ไผ่เองก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ไม่พอใจทั้งการ์ดทั้งทุกอย่าง แต่ว่าพี่ไผ่เขาก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิงเป็นคนจัดการเอง เนื่องจากพี่ไผ่เขาจะเป็นคนที่มีเหตุผลพอ ง่ายๆ เลยก็คือ เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายจะไม่เข้าไปยุ่ง ให้ไปเคลียร์กันเอง แต่ถ้าหากดิวเอ่ยปากขอความช่วยเหลือใดๆ ก็ตามจากพี่ไผ่ เขาก็ยินดีจะให้ความช่วยเหลือค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วดิวมองว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงที่เกิดจากการดื่มและไม่มีสติ ซึ่งพอเขามีสติคิดได้ก็คือแค่ขอโทษกัน ดิวเข้าใจเรื่องนี้ได้ค่ะเพราะตัวดิวเองก็เคยต้องการโอกาสจากสังคม และถ้าหากน้องเขามีสติคิดได้และอยากขอโทษดิว น้องเขาก็ต้องการโอกาสจากดิวเช่นกัน ดิวคิดแค่นั้นเองค่ะไม่มีอะไร”

พี่ไผ่ให้กำลังใจเรายังไงบ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ?
“เขาแค่บอกว่า ถ้าหากมีอะไรให้เขาช่วยเขายินดีช่วยทุกอย่างขอแค่เอ่ยปาก แต่จนถึงตอนนี้ดิวเองก็ยังไม่ได้เอ่ยปากใดๆ ทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาดิวคิดว่าเรื่องนี้มันจบแล้ว ดิวเพิ่งมารู้เมื่อวานนี้เองว่ามันไม่จบ แถมดิวยังกลายเป็นฝ่ายทำร้ายคนอื่น”

พี่ไผ่เขารู้ไหมว่าเราถูกข่มขู่ขนาดนี้ ?
“รู้ค่ะ ก็อย่างที่บอกเขาให้เป็นเรื่องของผู้หญิง แต่เอาง่ายๆ เลยนะ เขาบอกแค่ว่า “เรื่องของผู้หญิงให้ผู้หญิงคุยกัน แต่เมื่อไหร่ที่มีผู้ชายเข้ามาก็เดี๋ยวเจอเขา” นั่นคือสิ่งที่เขาพูด เพราะฉะนั้นไผ่วันพ้อยท์ก็คือไผ่วันพ้อยท์ถูกไหมอ่ะ จะให้เขามาพูดหนุมหนิมมันก็ไม่ใช่ แต่อย่างที่บอกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดิวมองแค่ว่ามันเป็นเรื่องของผู้หญิง และตัวดิวเองก็เอาอยู่เพราะว่าน้องเขาก็ขอโทษดิวแล้ว ซึ่งตัวดิวเองก็ให้อภัย แต่อยู่ดีๆ มันก็กลายเป็นว่าเรื่องบานปลายและเลยไปไกลมาก”

ดิวอยากจะฝากบอกอะไรถึงน้องเขาไหม หากน้องเขารับรู้สิ่งที่เราพูด ?
“ก็…พี่งงค่ะ น้องทำอะไรอยู่ แต่ก็เชื่อว่าวันหนึ่งเราคงได้เคลียร์กัน และมันก็คงเป็นในเรื่องของกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถามว่าดิวจะเอาเรื่องไหม ตรงๆ เลยนะดิวไม่ได้มีแพลนใดๆ ถึงเรื่องที่จะเอาเรื่องเขาเลยค่ะ แต่แค่ดิวคงต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ส่วนหลังจากนั้นดิวเชื่อว่าถ้าน้องดูอยู่ ยังไงน้องก็ต้องขอโทษดิวอยู่แล้ว เพราะน้องเคยพูดขอโทษมาแล้ว แต่พอเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ก็แล้วแต่น้องจะคิดเลยว่าน้องจะทำยังไง”

ณ วันนี้ตัวเราเองยังกลัวกับสิ่งที่เขาข่มขู่เราอยู่ไหม ในวันที่เกิดเรื่อง ?
“ถ้าหากเป็นข่าวดิวก็ไม่กลัวแล้วค่ะ เพราะดิวเชื่อว่าทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าถ้าดิวโดนอะไรก็คือใครใช่ไหมคะ อันนี้เราคุยกันตรงๆ แต่ถามว่าก่อนหน้านั้นดิวกลัวหรือเปล่า ดิวก็คงกลัวตอนที่มีการนัดเคลียร์ครั้งแรกแค่นั้นแหละ เพราะหลังจากนั้นชีวิตเราก็เป็นปกติ เพราะเราเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง”

ถ้าหากน้องเขาไม่จบจริงๆ เราจะทำไมยังไง ?
“ก็พร้อมอยู่แล้วค่ะ อย่างที่บอกดิวมีหลักฐานทุกสิ่งทุกอย่าง และตัวดิวเองก็บริสุทธิ์ใจจริงๆ แต่ถ้าหากไม่จบแล้วดิวโดนแบบอื่น ก็ฝากพี่ๆ ช่วยดิวด้วยละกันค่ะ”

ตัวเราเองคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง ?
“ถ้าโดยส่วนตัวดิว ดิวจบด้วยการที่ดิวอภัยให้น้องเขาไปแล้วค่ะ แล้วหลังจากวันนี้สิ่งที่ดิวจะทำก็คือปกป้องตัวเองแค่นั้น แต่ถามว่าดิวจะไปเอาเรื่องเขาอีกไหม ดิวก็คงไม่แล้วค่ะ คือมันอยู่ที่ความคิดน้องเขาแล้วแหละว่าจะขอโทษหรือไม่ขอโทษ อันนี้แล้วแต่ แต่สำหรับดิวจบก็คือจบค่ะ”

เราอยากให้เขาขอโทษหรือถอนแจ้งความไหม ?
“อันนี้ดิวไม่ได้ซีเรียสแล้ว เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่าใครเป็นยังไง ดิวคิดว่าบางสิ่งบางอย่างมันรู้อยู่แก่ใจว่าใครเป็นยังไงค่ะ”

สถานะหัวใจของเรากับพี่ไผ่ตอนนี้เป็นยังไง ?
“ดิวยอมรับนะคะว่าที่ผ่านมาเราสองคนมีปัญหากันจริงๆ ด้วยวัยที่แตกต่างกัน รวมถึงสังคม และกลุ่มเพื่อน ที่มันคนละเรื่องกันเลย ดิวยอมรับค่ะว่าเรามีปัญหากันจริงๆ แต่ว่าพอปัญหาต่างๆ มันเกิดขึ้น บวกกับปัญหาเรื่องนี้ มันเลยทำให้ดิวเห็นว่า โอเค ดิวหันกลับมาดิวก็ยังเห็นเขาอยู่ข้างๆ ดิวเชื่อนะคะว่าตัวเขาเองก็คงโกรธดิว และก็คงไม่พอใจดิวในหลายๆ เรื่องกับสิ่งที่ดิวได้ทำ แต่ถ้าจะให้พูดและคิดว่าเขาคงรู้สึกดีขึ้นก็คือ“ตอนนี้ดิวกำลังง้อเขาอยู่ค่ะ” (ยิ้ม)”

“ดิวมองว่าเรื่องมีปัญหาไม่เข้าใจกันมันเป็นธรรมชาติของคนที่คบกัน ส่วนเรื่องที่เขางอน เอ่อ…จริงๆ มันก็ไม่ใช่การงอนหรอกค่ะ แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของเราเพราะวัยเราต่างกันมากกว่า มันก็เลยทำให้บางครั้งเขาเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น และเราก็เป็นแบบของเราสุดโต่งจริงๆ (ยิ้ม) เขาก็เลยอวยพรไงคะ แบบที่เห็นตามนั้น (ยิ้ม) ก็อวยพรไป”

แต่สถานะของเรากับพี่ไผ่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ใช้คำว่าเลิก ?
“ใช่ค่ะ ง้องอนกันอยู่ (ยิ้ม) ก็ง้อแบบนี้แหละค่ะ จริงๆ ดิวคิดว่าสำเร็จนะ”

จะมีการจัดทริปกระชับรักเลยไหม ?
“ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลยค่ะ เพราะวันนี้ดิวอยากมีเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อน แต่เอาจริงๆ เรื่องนี้มันก็ทำให้เห็นนะคะว่าขนาดเขาโกรธดิวอยู่ เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเรา ซึ่งนั่นทำให้ดิวซึ้งใจมากๆ ดังนั้นเขาเองก็ควรได้รับการง้อของเราแหละ (ยิ้ม)

ง้อสำเร็จจะมีข่าวดีเลยหรือเปล่าแบบนี้ ?
“วันนี้ขอเอาเรื่องนี้ก่อนไหม ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องโรงพักหรือเปล่า”

อุ่นใจไหมที่หันมาข้างๆ แล้วก็ยังมีพี่เขาคอยดูแล ?
“อุ่นใจค่ะ อุ่นใจมากๆ ดิวเชื่อนะคะว่าไม่ว่าดิวจะอยู่ในสถานะใดกับเขา เขาก็ยังทำให้ดิวรู้สึกได้เสมอว่าทุกครั้งที่หันมาก็ยังมีเขาอยู่ใกล้ๆ”

 

 

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_566438